วันพฤหัสบดีที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2556
วันพุธที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2556
Key man Protection
การดำเนินธุรกิจในประเทศไทย Key man หรือบุคคลสำคัญของธุรกิจ ก็คือ กรรมการซึ่งกรรมการส่วนใหญ่ก็คือเจ้าของธุรกิจเองดังนั้น การทำประกันบุคคลสำคัญ Key man จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อธุรกิจในประเทศไทย เพราะ การดำเนินธุรกิจทั้งการลงทุน แนวคิดการบริหารองค์กร แนวคิดทางการตลาด รวมถึงความเชื่อมั่นของคู้ค้าทางธุรกิจ ก็มีความเสื่อมั่นในตัวบุคคลเป็นสำคัญ ดังนั้นหาก ธุรกิจสูญเสีย กรรมการซึ่งเป็นบุคคลสำคัญขององค์กร ซึ่งการเกิดขึ้นได้จากการเจ็บป่วยหรือเสียชีวิต ก็จะส่งผลต่อการดำเนินการของธุรกิจอย่างหลีกเลื่ยงไม่ได้
ดังนั้นการทำประกันบุคคลสำคัญ Key man ในประเทศไทย จึงเกิดจากเหตุผลหลักที่สำคัญ 2 ประการ คือ
1. คุ้มครองธุรกิจ ป้องการกันการสูญเสียความเชื่อมั่นต่อคู่ค้าทางธุรกิจ
2. นำใบเสร็จของการทำประกันชีวิต มาใช้ เป็นค่าใช้จ่ายของบริษัท ในปริมาณที่เหมาะสมและสรรพกรยอมรับได้
ความสำคัญของการทำประกัน บุคคลสำคัญ Key man
ความสำคัญของการทำประกัน บุคคลสำคัญ Key man
ประการแรก : คุ้มครองธุรกิจ ป้องการกันการสูญเสียความเชื่อมั่นต่อคู่ค้าทางธุรกิจ
ประการแรก : คุ้มครองธุรกิจ ป้องการกันการสูญเสียความเชื่อมั่นต่อคู่ค้าทางธุรกิจ
ถ้าคุณสูญเสียบุคคลที่สำคัญของธุรกิจ ( key man) มันอาจส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจหรือการชะลอการเติบโตของธุรกิจของคุณ คุณอาจพบการสูญเสียความเชื่อมั่นในธุรกิจ จากพนักงาน ผู้ถือหุ้น ลูกค้าและซัพพลายเออร์ จากการสูญเสียบุคคลที่สำคัญของธุรกิจ ( key man) ถ้าปล่อยให้พนักงาน ลูกค้าและซัพพลายเออร์ ติดต่อบริษัทอื่น ๆ ผลสุดท้ายในที่สุดอาจนำไปสู่การสูญเสียของผลกำไรและปิดกิจการได้ ด้วยการประกัน Key Man หรือประกันบุคคลสำคัญ เป็นการจ่ายเงินที่สามารถช่วยให้คุณสามารถปกป้องธุรกิจของคุณและทำให้การที่ทำงานของคุณดำเนินต่อไปได้ ช่วยให้คุณสามารถชำระคืนเงินกู้ยืมที่นำออกมาโดยบุคคลสำคัญนั้นได้ มันจะช่วยให้มีค่าใช้จ่ายในการสรรหาและการฝึกอบรมบุคคลที่จะมาทำงานแทน และจะช่วยให้คุณมีค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่องในขณะที่ระดับของยอดขายขายคุณลดลง จากการขาดบุคคลสำคัญ หรือเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจ้างที่ปรึกษาภายนอกหรือผู้เชี่ยวชาญที่จะให้คำแนะนำในการดำเนินธุรกิจคุณต่อไป ซึ่งจะเป็นการเพิ่มความมั่นใจให้กับ ตัวพนักงานและลูกค้า เนื่องจากการปฏิบัติการในเชิงบวกจะถูกนำมาใช้ รองรับการทำงานภาระทางการเงินมีทางเลือกสำรองให้กับธุรกิจ
ประการที่สอง : นำใบเสร็จของการทำประกันชีวิต มาใช้ เป็นค่าใช้จ่ายของบริษัท
การทำประกันบุคคลที่สำคัญของธุรกิจ ( key man) บริษัทสามารถนำ ใบเสร็จ จากการทำประกันบุคคลที่สำคัญของธุรกิจ ( key man) มาใช้เป็นค่าใช้จ่ายขององค๋กรได้ การประกันภัยชีวิตบุคคลสำคัญ คุณสามารถเลือกทำการประกันชีวิตเพียงอย่าเดียวหรือพร้อมค่ารักษาพยาบาลจากเจ็บป่วยหรือประกันชีวิตทั้งสองอย่างก็ได้ คุณสามารถเลือกระดับที่แตกต่างของการประกันภัย ตามระดับความสำคัญของบุคคลผู้เข้าร่วมโครงการ
การทำประกันบุคคลสำคัญ นำ ใบเสร็จ มาเป็นค้าใช้จ่ายขององค์กรได้
ความสำคัญของการทำประกัน บุคคลสำคัญ Key man
ความสำคัญของการทำประกัน บุคคลสำคัญ Key man
ประการแรก : คุ้มครองธุรกิจ ป้องการกันการสูญเสียความเชื่อมั่นต่อคู่ค้าทางธุรกิจ
ประการแรก : คุ้มครองธุรกิจ ป้องการกันการสูญเสียความเชื่อมั่นต่อคู่ค้าทางธุรกิจ
ถ้าคุณสูญเสียบุคคลที่สำคัญของธุรกิจ ( key man) มันอาจส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจหรือการชะลอการเติบโตของธุรกิจของคุณ คุณอาจพบการสูญเสียความเชื่อมั่นในธุรกิจ จากพนักงาน ผู้ถือหุ้น ลูกค้าและซัพพลายเออร์ จากการสูญเสียบุคคลที่สำคัญของธุรกิจ ( key man) ถ้าปล่อยให้พนักงาน ลูกค้าและซัพพลายเออร์ ติดต่อบริษัทอื่น ๆ ผลสุดท้ายในที่สุดอาจนำไปสู่การสูญเสียของผลกำไรและปิดกิจการได้ ด้วยการประกัน Key Man หรือประกันบุคคลสำคัญ เป็นการจ่ายเงินที่สามารถช่วยให้คุณสามารถปกป้องธุรกิจของคุณและทำให้การที่ทำงานของคุณดำเนินต่อไปได้ ช่วยให้คุณสามารถชำระคืนเงินกู้ยืมที่นำออกมาโดยบุคคลสำคัญนั้นได้ มันจะช่วยให้มีค่าใช้จ่ายในการสรรหาและการฝึกอบรมบุคคลที่จะมาทำงานแทน และจะช่วยให้คุณมีค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่องในขณะที่ระดับของยอดขายขายคุณลดลง จากการขาดบุคคลสำคัญ หรือเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจ้างที่ปรึกษาภายนอกหรือผู้เชี่ยวชาญที่จะให้คำแนะนำในการดำเนินธุรกิจคุณต่อไป ซึ่งจะเป็นการเพิ่มความมั่นใจให้กับ ตัวพนักงานและลูกค้า เนื่องจากการปฏิบัติการในเชิงบวกจะถูกนำมาใช้ รองรับการทำงานภาระทางการเงินมีทางเลือกสำรองให้กับธุรกิจ
ประการที่สอง : นำใบเสร็จของการทำประกันชีวิต มาใช้ เป็นค่าใช้จ่ายของบริษัท
การทำประกันบุคคลที่สำคัญของธุรกิจ ( key man) บริษัทสามารถนำ ใบเสร็จ จากการทำประกันบุคคลที่สำคัญของธุรกิจ ( key man) มาใช้เป็นค่าใช้จ่ายขององค๋กรได้ การประกันภัยชีวิตบุคคลสำคัญ คุณสามารถเลือกทำการประกันชีวิตเพียงอย่าเดียวหรือพร้อมค่ารักษาพยาบาลจากเจ็บป่วยหรือประกันชีวิตทั้งสองอย่างก็ได้ คุณสามารถเลือกระดับที่แตกต่างของการประกันภัย ตามระดับความสำคัญของบุคคลผู้เข้าร่วมโครงการ
การทำประกันบุคคลสำคัญ นำ ใบเสร็จ มาเป็นค้าใช้จ่ายขององค์กรได้
ได้อะไรจากการประกัน Key mam
ได้อะไรจากการประกัน Key mam
- นำใบเสร็จมาเป็นค่าใช้จ่ายขององค์กร
- ทายาทของ กรรมการได้เงินก้อนโต เพื่อใช้ในการบริหารธุรกิจ
- ใช้เป็นสวัสดิการณ์ของ กรรมการ โดยไม่ต้องใช้เงินของบริษัทการรักษา
- เงินก้อน กรณีบุคคบสำคัญเกิดทุพพลภาพ ทำงานไม่ได้
- ได้รับการชดเลยรายได้ ระหว่างการเจ็บป่วยหรือได้รับบาดเจ็บในโรงพยาบาล
ค่าใช้จ่ายของการประกันชีวิตบุคคลที่สำคัญของธุรกิจ ( key man) แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับระดับของพนักงานหรือผู้ที่ต้องการทำประกัน บุคคลที่สำคัญของธุรกิจ ( key man) โดยต้องผ่านวาระการประชุม แต่ถ้าคุณไม่สามารถซื้อประกันเต็มจำนวนได้ คุณสามารถกำหนดได้ โดยอาศัยปัจจัยดังนี้
- ผลกำไรของธุรกิจของคุณ ผลกระทบจากการสูญเสียบุคคลสำคัญสำคัญอย่างไร
- หากต้องหาคนเข้ามาแทนที่ คุณจะเสียค่าใช้จ่ายเท่าไร ในการฝึกอบรมและการเปลี่ยน?
คำนวณเบี้ยประกัน Key man ที่เหมาะสม
- ภาษีเงินได้ นำมาพิจารณา 10% หารด้วย 20%
ตัวอย่าง
บริษัท A มีภาษีที่ต้องชำระ 1,000,000 บาท
นำมาคำนวณ 10% > 1,000,000 x 10% = 100,000 บาท
หาเบี้ยประกันที่เหมาะสม 100,000 / 20% = 500,000 บาท
ดังนั้น เบี้ยประกันที่เหมาะสม สำหรับบริษัท A อยู่ที่ 500,000 บาท ของ กรรมการทุกคน
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ คุณธิติวัฒน์ วัฒนพลไพศาล ที่ปรึกษาทางการเงิน โทร 087-551554,081-6571818
ใบเสร็จค่าใช้จ่ายในธุรกิจ คือการสร้างรายจ่ายให้กับธุรกิจ ในปริมาณที่เหมาะสม ถูกกฏหมายและยอมรับได้ของกรมสรรพกร
ใบเสร็จ หรือ การลงทุนโดยสร้างรายจ่ายทั่วไปนั้น เมือเวลาผ่านไป มูลค่าก็จะเหลือน้อยลง
เช่น บริษัท A สร้างรายจ่าย โดยการซื้อ Computer มูลค่า 100,000 บาท หมุนเวียกับค้าใช้จ่ายอย่างอื่น เป็นเงิน 100,000 บาท/ปีเมื่อเวลาผ่านไป 20 ปี ทรัพย์สินที่ซื่อมามีมูลค่าคงเหลือเพียง 10,000 บาท
บริษัท B สร้างรายจ่าย โดย การลงทุนผ่าน กรมธรรม์ประกันชีวิต มูลค่า 100,000 บาท/ปี เป็นเวลา 20 ปี เมื่อเวลาผ่านไป 20 ปี ทรัพย์สินเงินสดที่ลงทุนผ่านกรมธรรมื คงเหลือมูลค้าเงินสดที่ 2,000,000 บาท
ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ คุณธิติวัฒน์ วัฒนพลไพศาล ที่ปรึกษาทางการเงิน โทร 087-555-1554,081-6571818
วันอาทิตย์ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2556
มาตรา 48 เงินได้พึงประเมินต้องเสียภาษีเงินได้
| ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
มาตรา 42 เงินได้พึงประเมินประเภทต่อไปนี้ให้ได้รับยกเว้นไม่ต้องรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้
| ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
มาตรา 40 เงินได้พึงประเมิน
| ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
มาตรา 39 เงินได้พึงประเมิน
| ||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
มาตรา 65 ตรี รายการต่อไปนี้ ไม่ให้ถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ
การดำเนินธุรกิจในประเทศไทย Key man หรือบุคคลสำคัญของธุรกิจ ก็คือ กรรมการซึ่งกรรมการส่วนใหญ่ก็คือเจ้าของธุรกิจเองดังนั้น การทำประกันบุคคลสำคัญ Key man จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อธุรกิจในประเทศไทย เพราะ การดำเนินธุรกิจทั้งการลงทุน แนวคิดการบริหารองค์กร แนวคิดทางการตลาด รวมถึงความเชื่อมั่นของคู้ค้าทางธุรกิจ ก็มีความเสื่อมั่นในตัวบุคคลเป็นสำคัญ ดังนั้นหาก ธุรกิจสูญเสีย กรรมการซึ่งเป็นบุคคลสำคัญขององค์กร ซึ่งการเกิดขึ้นได้จากการเจ็บป่วยหรือเสียชีวิต ก็จะส่งผลต่อการดำเนินการของธุรกิจอย่างหลีกเลื่ยงไม่ได้
ดังนั้นการทำประกันบุคคลสำคัญ Key man ในประเทศไทย จึงเกิดจากเหตุผลหลักที่สำคัญ 2 ประการ คือ 1. คุ้มครองธุรกิจ ป้องการกันการสูญเสียความเชื่อมั่นต่อคู่ค้าทางธุรกิจ 2. นำใบเสร็จของการทำประกันชีวิต มาใช้ เป็นค่าใช้จ่ายของบริษัท ในปริมาณที่เหมาะสมและสรรพกรยอมรับได้ ประกันบุคคลสำคัญหรือประกัน Key man มีส่วนเกี่ยวข้องกับ กฏหมายมาตรา 65 ทวิ การคำนวณกำไรสุทธิและขาดทุนสุทธิ เกี่ยวกับเงินได้พึ่งประเมิน หรือ เงินได้ที่ต้องเสียภาษีตามความในส่วนนี้คือกำไรสุทธิซึ่งคำนวณได้จากรายได้จากกิจการ หรือเนื่องจากกิจการ มาตรา 65 ตรี รายการต่อไปนี้ ไม่ให้ถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิ (1) เงินสำรองต่าง ๆ นอกจาก (ก) เงินสำรองจากเบี้ยประกันภัยเพื่อสมทบทุนประกันชีวิตที่กันไว้ก่อนคำนวณกำไร เฉพาะส่วนที่ไม่เกินร้อยละ 65 ของจำนวนเบี้ยประกันภัยที่ได้รับในรอบระยะเวลาบัญชีหลังจากหักเบี้ยประกันภัยซึ่งเอาประกันต่อออกแล้ว ในกรณีต้องใช้เงินตามจำนวนซึ่งเอาประกันภัยสำหรับกรมธรรม์ประกันชีวิตรายใดไม่ว่าเต็มจำนวนหรือบางส่วน เงินที่ใช้ไปเฉพาะส่วนที่ไม่เกินเงินสำรองตามวรรคก่อนสำหรับกรมธรรม์ประกันชีวิตรายนั้น จะถือเป็นรายจ่ายไม่ได้ ในกรณีเลิกสัญญาตามกรมธรรม์ประกันชีวิตรายใด ให้นำเงินสำรองตามวรรคแรก จำนวนที่มีอยู่สำหรับกรมธรรม์ประกันชีวิตรายนั้น กลับมารวมคำนวณเป็นรายได้ในรอบระยะเวลาบัญชีที่เลิกสัญญา | |
( พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 16) พ.ศ. 2502 ใช้บังคับสำหรับเงินได้ที่ต้องยื่นใน พ.ศ. 2503 เป็นต้นไป ) | |
(ค) เงินสำรองที่กันไว้เป็นค่าเผื่อหนี้สูญหรือหนี้สงสัยจะสูญ สำหรับหนี้จากการให้สินเชื่อที่ธนาคารพาณิชย์ บริษัทเงินทุน บริษัทหลักทรัพย์ หรือบริษัทเครดิตฟองซิเอร์ได้กันไว้ตามกฎหมายว่าด้วยการธนาคารพาณิชย์หรือกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ แล้วแต่กรณี ทั้งนี้ เฉพาะส่วนที่ตั้งเพิ่มขึ้นจากเงินสำรองประเภทดังกล่าวที่ปรากฏในงบดุลของรอบระยะเวลาบัญชีก่อน | |
เงินสำรองส่วนที่ตั้งเพิ่มขึ้นตามวรรคหนึ่ง และได้นำมาถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณกำไรสุทธิหรือขาดทุนสุทธิไปแล้วในรอบระยะเวลาบัญชีใด ต่อมาหากมีการตั้งเงินสำรองประเภทดังกล่าวลดลง ให้นำเงินสำรองส่วนที่ตั้งลดลงซึ่งได้ถือเป็นรายจ่ายไปแล้วนั้น มารวมคำนวณเป็นรายได้ในรอบระยะเวลาบัญชีที่ตั้งเงินสำรองลดลงนั้น | |
( พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 17) พ.ศ. 2540 ใช้บังคับสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มตั้งแต่ 1 ม.ค. 2540 เป็นต้นไป ) | |
(2) เงินกองทุน เว้นแต่กองทุนสำรองเลี้ยงชีพซึ่ง เป็นไปตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่กำหนดโดยกฎกระทรวง | |
( พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 25) พ.ศ. 2525 ใช้บังคับสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีเริ่มในหรือหลัง 1 ม.ค. 2526 เป็นต้นไป ) ( ดูกฎกระทรวง ฉบับที่ 183 (พ.ศ. 2533) ) | |
(3) รายจ่ายอันมีลักษณะเป็นการส่วนตัว การให้โดยเสน่หา หรือการกุศลเว้นแต่รายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะ หรือเพื่อการสาธารณะประโยชน์ตามที่อธิบดีกำหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรี ให้หักได้ในส่วนที่ไม่เกินร้อยละ 2 ของกำไรสุทธิ และรายจ่ายเพื่อการศึกษาหรือเพื่อการกีฬาตามที่อธิบดีกำหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรี ให้หักได้อีกในส่วนที่ไม่เกินร้อยละ 2 ของกำไรสุทธิ | |
( พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 16) พ.ศ. 2534 ใช้บังคับสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีเริ่มในหรือหลัง 1 ม.ค. 2535 เป็นต้นไป ) ( ดูประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ (ฉบับที่ 44) พ.ศ. 2535 ) ( ดูคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป.52/2537 ) ( ดูคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป.56/2538 ) | |
(4) ค่ารับรองหรือค่าบริการส่วนที่ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดโดยกฎกระทรวง | |
( พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2521 ใช้บังคับสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีเริ่มในหรือหลัง 1 ม.ค. 2522 เป็นต้นไป ) ( ดูกฎกระทรวง ฉบับที่ 143 (พ.ศ. 2522) ) ( ดูคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป.56/2538 ) | |
(5) รายจ่ายอันมีลักษณะเป็นการลงทุน หรือรายจ่ายในการต่อเติมเปลี่ยนแปลงขยายออกหรือทำให้ดีขึ้นซึ่งทรัพย์สิน แต่ไม่ใช่เป็นการซ่อมแซมให้คงสภาพเดิม | |
( ดูคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป.61/2539 ) | |
(6) เบี้ยปรับและหรือเงินเพิ่มภาษีอากร ค่าปรับทางอาญา ภาษีเงินได้ของ บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล | |
( พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 25) พ.ศ. 2525 ใช้บังคับสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีเริ่มในหรือหลัง 1 ม.ค. 2526 เป็นต้นไป ) ( ดูคำวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากร ที่ 10/2528 ) | |
(6 ทวิ) ภาษีมูลค่าเพิ่มที่ชำระหรือพึงชำระ และภาษีซื้อของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียน เว้นแต่ภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีซื้อของผู้ประกอบการจดทะเบียนซึ่งต้องเสียภาษีตามมาตรา 82/16 ภาษีซื้อที่ต้องห้ามนำมาหักในการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 82/5 (4) หรือภาษีซื้ออื่นตามที่กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา | |
( พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 30) พ.ศ. 2534 ใช้บังคับ 1 ม.ค. 2535 เป็นต้นไป ) ( ดูพระราชกฤษฎีกา (ฉบับที่ 243) พ.ศ. 2534 ) | |
(7) การถอนเงินโดยปราศจากค่าตอบแทนของผู้เป็นหุ้นส่วนในห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล (8) เงินเดือนของผู้ถือหุ้นหรือผู้เป็นหุ้นส่วนเฉพาะส่วนที่จ่ายเกินสมควร (9) รายจ่ายซึ่งกำหนดขึ้นเองโดยไม่มีการจ่ายจริง หรือรายจ่ายซึ่งควรจะได้จ่ายในรอบระยะเวลาบัญชีอื่น เว้นแต่ในกรณีที่ไม่สามารถจะลงจ่ายในรอบระยะเวลาบัญชีใดก็อาจลงจ่ายในรอบระยะเวลาบัญชีที่ถัดไปได้ (10) ค่าตอบแทนแก่ทรัพย์สินซึ่งบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลเป็นเจ้าของเองและใช้เอง (11) ดอกเบี้ยที่คิดให้สำหรับเงินทุน เงินสำรองต่างๆ หรือเงินกองทุนของตนเอง (12) ผลเสียหายอันอาจได้กลับคืน เนื่องจากการประกันหรือสัญญาคุ้มกันใดๆ หรือผลขาดทุนสุทธิในรอบระยะเวลาบัญชีก่อนๆ เว้นแต่ผลขาดทุนสุทธิ ยกมาไม่เกินห้าปีก่อนรอบระยะเวลาบัญชีปีปัจจุบัน | |
( พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 16) พ.ศ. 2502 ใช้บังคับสำหรับเงินได้ที่ต้องยื่นใน พ.ศ. 2503 เป็นต้นไป ) ( ดูประกาศกรมสรรพากร ลงวันที่ บริษัทที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน ) ( ดูคำวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากร ที่ 35/2540 ) ( ดูคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป.58/2538 ) | |
(13) รายจ่ายซึ่งมิใช่รายจ่ายเพื่อหากำไรหรือเพื่อกิจการโดยเฉพาะ | |
(14) รายจ่ายซึ่งมิใช่รายจ่ายเพื่อกิจการในประเทศไทยโดยเฉพาะ | |
( ดูคำวินิจฉัยของคณะกรรมการวินิจฉัยภาษีอากร ที่ 13/2529 ) ( ดูคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป.13/2528 ) | |
(15) ค่าซื้อทรัพย์สินและรายจ่ายเกี่ยวกับการซื้อหรือขายทรัพย์สินในส่วนที่เกินปกติ โดยไม่มีเหตุผลอันสมควร (16) ค่าของทรัพยากรธรรมชาติที่สูญหรือสิ้นไปเนื่องจากกิจการที่ทำ (7) ค่าของทรัพย์สินนอกจากสินค้าที่ตีราคาต่ำลง ทั้งนี้ ภายใต้บังคับมาตรา 65 ทวิ (18) รายจ่ายซึ่งผู้จ่ายพิสูจน์ไม่ได้ว่าใครเป็นผู้รับ | |
( พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2496 ใช้บังคับสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีสิ้นสุดในหรือหลัง 10 ก.พ. 2496 เป็นต้นไป ) ( ดูคำสั่งกรมสรรพากร ที่ ป.115/2545 ) | |
(19) รายจ่ายใดๆ ที่กำหนดจ่ายจากผลกำไรที่ได้เมื่อสิ้นสุดรอบระยะเวลาบัญชีแล้ว (20) รายจ่ายที่มีลักษณะทำนองเดียวกับที่ระบุไว้ใน (1)ถึง (19) ตามที่จะได้กำหนดโดยพระราชกฤษฎีกา | |
( พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2496 ใช้บังคับสำหรับรอบระยะเวลาบัญชีสิ้นสุดในหรือหลัง 10 ก.พ. 2496 เป็นต้นไป ) ( ดูพระราชกฤษฎีกา (ฉบับที่ 315) พ.ศ. 2540 ) | |
ดูข้อมูลเพิ่มเติมจาก http://www.rd.go.th/publish/5939.0.html
Key man Protection | แนวคิดทางบัญชี | กฏหมายคำสั้งสรรพกร | คำถามที่พบบ่อย | Promotion พิเศษ | เกี่ยวกับเรา |
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)